เกี่ยวกับเรา

ความเป็นมา
สมาคมตระกูลลิ้มแห่งประเทศไทย

     การริเริ่มก่อตั้งสมาคมตระกูลลิ้มแห่งประเทศไทย ในปี พ.ศ.2505          คณะกรรมการก็มีนโยบายที่จะก่อสร้างอนุสรณ์สถานเป็นอันดับแรก ทั้งนี้เพื่อเป็นการระลึกถึงบรรพชนและเพื่อเป็นการประสานสามัคคี ระหว่างผู้ร่วม ตระกูล จึงได้ทำการแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อดำเนินการสร้างอนุสรณ์สถาน ซึ่งในขั้นตอนของการเสาะหาสถานที่เพื่อทำการก่อสร้าง ก็กินเวลาถึง 3 ปี ในปี พ.ศ.2508 คุณสนิท วีรวรรณ นายกตระกูลลิ้มในสมัยนั้น (พ.ศ.2505-2521) จึงได้แนะนำให้จัดซื้อที่ดินแปลงหนึ่งซึ่งก็คือที่ตั้งสมาคมฯ ในปัจจุบัน โดย  คุณสุเมธ มังกรกนก ได้รับผิดชอบเป็นผู้ออกแบบก่อสร้างร่วมกับคุณอนุ ซึ่งเป็นสถาปนิกออกแบบตามอย่างสถาปัตยกรรมโบราณอย่างสมบูรณ์ จนกระทั่งต้นปี พ.ศ.2512 การก่อสร้างอนุสรณ์สถานดังกล่าวจึงได้เสร็จสิ้นลง และในวันพุธที่ 28 มกราคม พ.ศ.2513 ก็ได้จัดงานฉลองอนุสรณ์สถาน และในวันพฤหัสที่ 29 มกราคม ปีเดียวกัน เอกอัครราชทูตจีน ประจำประเทศไทย ดร.ซิมเชียงห่วง ได้ทำพิธีเจิมป้ายสถิตย์ดวงวิญญาณต้นตระกูลขึ้นแท่นบูชา ซึ่งในงานนี้ผู้มาร่วมงานฉลองต่างพากันยกย่องและให้ความเห็นเป็นเสียงเดียวกันว่าเป็นอนุสรณ์สถานที่งดงามตามแบบสถาปัตยกรรมแบบโบราณที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในภูมิภาคเอเชียอาคเนย์

วัตถุประสงค์ของสมาคม

สมาคมนี้ตั้งขึ้นเพื่อความสมัครสมานสามัคคี และสานสัมพันธไมตรีระหว่างมวลสมาชิกในวงศ์ตระกูลลิ้ม แลกเปลี่ยนความรู้ ส่งเสริมวัฒนธรรม ประมวลประวัติ ความเป็นมาของวงศ์ตระกูล ก่อสร้างอนุสรณ์สถานและสุสานของวงศ์ตระกูล ส่งเสริมการรักษาสุขภาพและสวัสดิการอันเป็นสาธารณูปโภคต่อสังคม และสามาชิกวงศ์ตระกูลทั้งนี้ไม่เกี่ยวกับการเมืองแต่อย่างใด โดยปฏิบัติการดังต่อไปนี้

 1.รวบรวมเงินทุนจัดซื้อที่ดิน เพื่อก่อสร้างสำนักงานถาวรของสมาคม

 2.จัดซื้อที่ดิน เพื่อก่อสร้างอนุสรณ์สถานตระกูลลิ้มเพื่อตอบสนองคุณธรรมอันลำ้เลิศของบรรพบุรุษ                                                             

3.ซื้อที่ดิน เพื่อจัดตั้งสุสานสำหรับเป็นที่ฝังศพของสมาชิกในวงศ์ตระกูล และบรรดาบุคคลทั่วไปในสังคม                                                     

4.ซื้อที่ดิน เพื่อจัดตั้งโรงเรียน และจัดตั้งกองทุนการศึกษา เพื่อผลิตผู้มีวิชาความรู้แก่สังคม                                                                           

5.ซื้อที่ดิน เพื่อจัดตั้งหน่วยส่งเสริมบำรุงสุขภาพให้แก่สมาชิกในวงศ์ตระกูล และบรรดาบุคคลทั่วไปในสังคม                                                     

6.ซื้อที่ดิน และอาคาร เพื่อดำเนินสาธารณูปโภคให้แก่สมาชิกในวงศ์ตระกูล และบุคคลทั่วไปในสังคม                                                       

7.รวบรวมเงินทุน เงินบริจาค และรับการให้ซึ่งสังหาริมทรัพย์หรืออสังหาริมทรัพย์ จากบรรดาบุคคลทั่วไปเพื่อดำเนินการตามกรอบวัตถุประสงค์ของสมาคม

ประวัติตระกูลลิ้ม

ตระกูลลิ้มมีเชื้อสายสืบกำเนิดมาจาก เกียงกง หรืออีกนามหนึ่งคือ เชี่ยงซื่อ เป็นบุตรโทนของปีกังกงที่เสียชีวิตก่อนที่เกียงกงจะถือกำเนิดมา ปีกังกงเป็นข้าราชการที่ซื่อสัตย์ ถูกจักรพรรดิติ๋วอ๋อง ผู้ไร้ทศพิธราชธรรมตัดสิน ประหารชีวิต โดยอ้างว่าปีกังกงเป็นผู้ก่อให้เกิดความกระด้างกระเดื่อง ไม่จงรักภักดีในหมู่ประชาราษฎร์ ปีกังกงถูกประหารชีวิตโดยการควักหัวใจ และถูกเผาใบหน้าทั้งหมดหลังจากประหารชีวิตปีกังกง แล้วจักรพรรดิติ๋วอ๋อง ยังรับสั่งให้ผ่าท้องภริยาคนหนึ่งของปีกังกงเพื่อทำลายทายาทของปีกังกงขณะนั้น ตั้งสี ภริยาเอกตั้งครรภ์สามเดือนแล้วจึงได้หลบหนีไปอยู่ในป่ามกเอี้ยเชี่ยงลิ้ม และให้กำเนิดบุตรชายซึ่งนางได้ตั้งชื่อว่า จั้ว (แปลว่า ลำธาร) ต่อมาจักรพรรดิบู๊อ๋อง ได้เข้ายึดครองราชวงศ์เซียงทัง ในปีที่ 13 หลังการขึ้นครองราชย์ของจักรพรรดิบู๊อ๋อง พระองค์ได้เสด็จไปยังฮวงซุ้ยของปีกังกง และได้ให้ตั้งฮูหยินนำทายาทของปีกังกงเข้าเฝ้า ซึ่งจักรพรรดิบู๊อ๋อง ได้ทรงพระราชทานชื่อของทายาทว่า “เกียง” ชื่อสกุล “ลิ้ม” ตามถ้ำที่ชื่อเชี่ยงลิ้มอันเป็นถิ่นกำเนิด และได้พระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นพักเล้งกงครองเมืองพักเล้ง (มณฑลฮ้อน้ำในปัจจุบัน) อำเภอลี้มีศักดินาสองพันครัวเรือน มีอำนาจปกครองสองร้อยสี่สิบเมือง และได้เป็นเสนาบดีสืบทอดกันตลอดมาท่านเกียงกงถือกำเนิดที่ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำกี้ฮ้อ ต่อมาบุตรหลานของท่านก็ได้รับพระราชทานศักดินาเป็น “ไซฮ้อ” (ฝั่งแม่น้ำตะวันตก) ฉะนั้นศาลา สถิตบรรพบุรุษแห่งตระกูลลิ้มจึงถูกขนานนามว่า “ไซฮ้อตึ๊ง” เกียงกงมีทายาทที่เกิดจากท่านผู้หญิงเกียงสี 2 คน คือ ไจ่ กับ ชา ไจ่ได้รับราชการเป็นเจ้าเมืองกี้จิว ซึ่งเป็นหนึ่งในมณฑลใหญ่ 9 มณฑลในสมัยโบราญ ชา หรือนามหนึ่งคือ เม่งกือมีตำแหน่งเป็นซีแบ้ (ผู้บัญชาการทหาร) ในรัชสมัยเซ่งอ๋องซีแบ้พงศาวดารฉบับอื่นเขียนไว้ว่า เกียงกงมีทายาท 2 คนคือ เม้ง กับ เจง โดยเม้งสืบทอดตำแหน่งเป็นเจ้าเมือง เจง มีตำแหน่งซีแบ้ แม้ว่า พงศาวดารฉบับอื่นจะบันทึกนามของทายาทเกียงกงไว้ไม่ตรงกัน แต่ยศบรรดาศักดิ์ที่ได้รับตรงกันจึงสันนิษฐานว่า คงจะเลี่ยงกล่าวนามจริงซึ่งเป็นปฎิบัติกันในสังคมสมัยนั้น

ทำไมต้องแซ่ลิ้ม แซ่ลิ้ม สำคัญอย่างไร

 เป็นที่น่าเสียดายคนที่เปลี่ยนนามสกุลแล้วบางคนมักจะคิดว่าเมื่อเปลี่ยนนามสกุลแล้วก็ยกเลิกการใช้แซ่ ทัศนคติเช่นนั้นเป็นสิ่งน่าเสียดายยิ่งเพราะ    คำว่าแซ่ก็คือนามสกุลดั้งเดิมที่ทรงคุณค่ายิ่งนัก จำเป็นต้องรักษาไว้ให้ดียิ่งให้สืบทอดลูกหลานเหลนโหลนต่อ ๆ ไปไม่รู้จบจำเป็นต้องรักษาไว้อย่างภาคภูมิใจรักษาสืบทอดเป็นสายสัมพันธ์ประดุจสายโซ่ที่ไม่มีวันขาดตอน

 ทำไมจึงสำคัญเช่นนั้นวัฒนธรรมการยึดถือความสำคัญของแซ่ของชาวจีน (เมื่อพบปะเจอะเจอคนแปลกหน้ามักจะถามแซ่ก่อนชื่อเสมอ) ได้เคยมีการทำวิจัยแล้วพบว่ายังไม่มีชนชาติใด ๆ ในโลกนี้ที่มีประเพณีการสืบทอดสายสัมพันธ์ของครอบครัวด้วยการยึดถือรักษาแซ่แบบชนชาติจีนชาติอื่น ๆ ทุกๆชาติในโลกนี้ชั่วเวลาเพียงไม่กี่ชั่วอายุคนก็ไม่สามารถสืบสาวราวเรื่องประวัติครอบครัวในอดีตได้ แต่สำหรับประเพณีการนับถือและยึดถือแซ่ของชาวจีนแม้เวลาผ่านไปหลาย ๆ พันปีผ่านไปไม่ว่ากี่ชั่วอายุคนอย่างเช่นแซ่ลิ้มของเราผ่านมาถึง 3,000 กว่าปีเราทุกคนยังคงจดจำได้และรู้จักปู่คนแรกในอดีตต้นตระกูลของเราเมื่อ 3,000 กว่าปีคือท่านปีดังกงและยังคงสักการะกราบไหว้ด้วยความกตัญญ ในฐานะลูกหลานรุ่นแล้วรุ่นเล่าอย่างไม่มีวันขาดตอน       เราทุกคนที่เกิดมาบนโลกใบนี้ด้วยเวลาผ่านมานานเพียงนี้หรือต่อไปอีกนานเพียงใดอีกกี่ชั่วอายุคนก็ตาม ลูกหลานตระกูลลิ้มขยายตัวไปทั่วทุกแห่งบนโลก ขยายไปสู่ทุกชนชาติบนโลกใบนี้อาจจะต่างผิวพรรณต่างชาติต่างภาษาอาจจะเป็นฝรั่งแขกลาวอินเดียพม่า แต่เรายังคงรักษาสิ่งหนึ่งอย่างมั่นคงและชัดเจนว่าครั้งกระนั้นเมื่อ 3,100 กว่าปีเราทั้งหมดคือครอบครัวเดียวกันมีปู่คนแรก  คนเดียวกัน และเราทุกคนที่แซ่ลิ้มก็คือหลานของท่านปู่ที่ต้องผูกพันรักษาความเป็นญาติอย่างไม่ขาดสายรวมทั้งต้องเคารพกตัญญูต่อท่านปู่วัฒนธรรมนี้นับว่าเป็นสิ่งน่ามหัศจรรย์และน่าภาคภูมิใจเพียงไร ประเพณีและภูมิปัญญาอันทรงคุณค่า ที่ไม่มีชนชาติใดในโลกจะพึงมีเช่นนี้ เราในฐานะแซ่ลิ้มคนหนึ่ง (หรือแซ่ใด ๆ ก็เช่นกัน) จึงต้องภูมิใจและรักษาสืบทอดต่อเนื่อง  ตลอดไป รวมทั้งสอนลูกสอนหลานปลูกฝังลูกหลานให้รักษาสืบทอดตลอดไปอย่างไม่รู้จบ หากปล่อยให้ขาดช่วงหรือละทิ้งประเพณีอันดีงามโดยเรานั้นเป็น  ต้นเหตุ คงเป็นสิ่งน่าเสียดายที่สุดในชีวิต

ศูนย์วัฒนธรรมสมาคม

สมาคม ได้จัดตั้งศูนย์วัฒนธรรมสมาคม ซึ่งตั้งอยู่ภายในสมาคม เพื่อเป็นแหล่งการเรียนรู้เกี่ยวกับตระกูลลิ้ม และวัฒนธรรมที่ดีงามของต้นตระกูล (จีน) ทั้งนี้ศูนย์วัฒนธรรมได้เปิดการสอนพิเศษภาษาจีนกลาง สำหรับสมาชิกในวงศ์ตระกูล และบุคคลทั่วไปในสังคมที่สนใจอีกด้วย

จารึกหออภิชาตบุตร

   นับแต่ครั้งที่พวกเราชาวบุตรหลานเชื้อสายตระกูลลิ้มแห่งประเทศไทย ได้สถาปนาศาลบูชาบรรพบุรุษสำเร็จเสร็จสิ้นแล้วเมื่อทศวรรษที่ 70 แห่งคริสต์ศตวรรษที่ 20 ครั้งแล้ว อีก 20 ปีต่อมาได้ดำเนินการก่อสร้าง “ หออภิชาตบุตร” แห่งนี้ไว้ ณ ด้านหลังสวนหย่อมเชื่อมติดกับวิหารคต 2 ข้าง โอบหลังวิหารกลางเป็นองค์รวม เหตุที่ล่าช้ามาบ้างนี้ เนื่องจากได้คอยรอฤกษ์งามยามดีกล่าวคือตามคติโหราศาสตร์ “ปู่กั้ว” ระบุว่าครั้งนับเป็นรอบษัษฐโคจรสิริโดยเว้นพื้นที่ตำแหน่ง “เฉียนกั้ว” จึงได้ปฏิบัติตามคำแนะนำของอู๋ชื่อชิงเป็นโหราจารย์ดูทำเลที่ดินที่มีชื่อเสียง โดยเว้นพื้นที่ด้านหลังศาลบูชาบรรพบุรุษเป็นที่ว่างไว้ก่อน เพื่อเก็บออมศิริมงคลดังกล่าวเอาไว้อันจะได้ขยายฐานรองรับบุญราศีในช่วง 16 ปีข้างหน้า บัดนี้เข้ารอบสัตมโคจร ซึ่งเหมาะแก่การสร้างสรรค์บุกเบิกเนื้อนาบุญอันยืนนาน อันจะดลบันดาลให้บุตรหลานเชื้อสายตระกูลลิ้ม ผู้เปี่ยมด้วยคุณธรรม นับวันจำเริญยิ่งขึ้น ทั้งในกิจการงานที่เป็นคุณตำแหน่งหน้าที่ และเกียรติยศชื่อเสียงตลอดกาลนาน พร้อมทั้งจะได้ประดับประดาศาลบูชาบรรพบุรุษให้งดงามอร่ามตายิ่งขึ้นและโดดเด่นอยู่ ณ ริมแม่น้ำเจ้าพระยาอันเป็นที่น่าปลาบปลื้มยิ่งนัก งานนี้เริ่มตั้งแต่คณะกรรมการสมัยที่ 14 ซึ่งได้หาฤกษ์ลงยันต์ไว้แล้ว ต่อมาได้ออกแบบวางแผน แต่ก็ได้แก้ไขเพิ่มเติมแบบแปลนหลายครั้งเป็นเวลาเนิ่นนานพอสมควร ครั้งเมื่อคณะกรรมการสมัยที่ 15 เข้ามาบริหารงานได้ถือเอางานนี้เป็นภารกิจสำคัญโดยมุ่งหมายดำเนินการให้บรรลุผลสำเร็จตราบถึงวสันตฤดูปี ค.ศ. 1992 (พ.ศ. 2535) จึงได้จัดให้มีการประมูลราคาและดำเนินการก่อสร้างเป็นเวลาปีเศษก็เสร็จการ ในกาลต่อไปอาคารแห่งนี้จะได้ใช้เป็นสถานที่ประกอบกิจกรรมวัฒนธรรมได้เป็นอย่างดี จึงขนานนามว่า“ หออภิชาตบุตร” อุปมาอุปไมยว่าบุตรหลานเชื้อสายตระกูลลิ้มจะพริ้งเพริศประเสริฐ และเลอเลิศอบอวลดุจบุปผชาติที่เบ่งบาน อนึ่งงานก่อสร้างดังกล่าวดำเนินไปได้ ในขณะที่ข้าพเจ้าดำรงตำแหน่งนายกสมาคมตระกูลลิ้มแห่งประเทศไทยและการที่งานนี้ประสพผลสำเร็จอย่างบริบูรณ์ก็ด้วยความร่วมแรงร่วมใจของบรรดาพี่น้องร่วมวงศ์ตระกูลโอกาสนี้จึงได้จารึกนามบรรดาท่านผู้บริจาคทรัพย์ก่อสร้าง“ หออภิชาตบุตร” แห่งนี้ไว้เป็นที่ประจักษ์แก่คนรุ่นหลังชั่วนิรันดร์กาล

           สุทธิ   เลิศหิรัญวิบูลย์ นายกสมาคมตระกูลลิ้มแห่งประเทศไทยสมัยที่ 15-16

สุสานพญานาคราช

   สร้างบรรพชนอนุสรณ์สถานเพื่อไว้บูชาคารวะบรรพบุรุษ   การสร้างสุสานเพื่อบรรจุบรรพชนผู้ล่วงลับ   เมื่ออนุสรณ์สถานสร้างเสร็จ ก็เริ่มต้นการสร้างสุสานปีพ.ศ. 2517 คณะกรรมการสมัยที่ 7 มีมติให้จัดซื้อที่ดิน 170 ไร่ ที่บริเวณตำบลหัวกุญแจ อำเภอบ้านบึง จ.ชลบุรี  พร้อมกับทำการขอนุญาติจดทะเบียนและได้รับอนุญาติในปีถัดมา

   ซึ่งในปีนั้นยังไม่ได้ฤกษ์ดีจนกระทั่งเดือนสิงหาคม ปีพ.ศ. 2519 ได้ฤกษ์ทำพิธีวางศิลาฤกษ์ วันที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2519 เริ่มต้นลงมือก่อสร้างตัดถนนรอบบริเวณสุสาน อ่างเก็บน้ำ โรงเลี้ยงอาหาร สำนักงาน ศาลาพิธีและศาลฮ๊กเต๊ก (แป๊ะกง) เสร็จตามลำดับ การจัดลำดับแปลงของฮวงจุ้ยก็ได้วางผังแน่นอนเปิดรับการเปิดจองฮวงจุ้ยกลางเดือนธันวาคม พ.ศ. 2521 ที่ทำการของสุสานและอาคารข้างเคียงก่อสร้างเสร็จวันที่ 11 เดือนมกราคม พ.ศ. 2522 ได้ทำพิธีเปิดการใช้ศาลาพิธีของสุสาน ซึ่งถึงขณะนี้การก่อสร้างของสุสานก็ได้สำเร็จเรียบร้อย

สุสานไซฮ้อ

    เพื่อตอบสนองความต้องการของสมาชิกในการจัดสรรฮวงซุ้ยสำหรับบรรพบุรุษที่ล่วงลับ สมาคมฯ จึงได้สร้างสุสานพญานาคราชขึ้น ที่จังหวัดชลบุรีเมื่อปี พ.ศ. 2519 ซึ่งได้รับการตอบรับจากสมาชิกเป็นอย่างดีจวบจนปัจจุบัน ถึงกระนั้นด้วยพื้นที่เพียง 170 ไร่ของสุสานพญานาคราชก็เริ่มที่จะ      คับแคบจนไม่สามารถขยับขยายได้อีก

สมาคมฯ จึงมีความคิดที่จะสรรหาพื้นที่เพิ่มเติม สำหรับก่อสร้างสุสาน          แห่งใหม่เพื่อรองรับความต้องการของเหล่าสมาชิกและบุคคลทั่วไป ประจวบเหมาะกับในปี 2537 ได้มีผู้มาติดต่อขายสุสาน ฮกเต๊กซัวจึง ซึ่งตั้งอยู่ในตำบลเขาตะพัน อำเภอท่ามะกา จังหวัดกาญจนบุรี บนเนื้อที่กว้าง 57 ไร่ 3 งาน  ทั้งนี้บริเวณดังกล่าวได้รับใบอนุญาติให้สร้างสุสานแล้ว แต่ยังไม่ได้ดำเนินการก่อสร้างใด ๆ โดยเจ้าของที่ดินได้เสนอขายพร้อมใบอนุญาตในราคาที่ยอมรับได้สมาคมฯ จึงได้ซื้อไว้ เพื่อดำเนินการก่อสร้างสุสานแห่งใหม่ต่อไป ที่ดินแปลงดังกล่าวเป็นดินแดงและมีภูมิประเทศที่เหมาะแก่การสร้างฮวงซุ้ยเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตามหลังจากสมาคมฯ ได้ซื้อที่ดินดังกล่าวแล้วพบว่าเนื้อที่ก็ยังคงคับแคบไม่เพียงพอเช่นเดิม จึงได้ติดต่อเจ้าของที่ดินบริเวณติดกันอีก 7 ราย ซึ่งสามารถขยายพื้นที่ได้เพิ่มขึ้นอีกกว่า 124 ไร่ สรุปรวมแล้วระหว่างปี 2537 จนถึงปี 2539 สมาคมฯ ได้ซื้อที่ดินเพิ่มเติมรวมทั้งสิ้น 186 ไร่ 1 งาน 99 ตารางวาโดยที่ดินเหล่านี้ได้โอนกรรมสิทธิ์แล้วที่สำนักงานที่ดินจังหวัดกาญจนบุรี

ในการประชุมครั้งที่ 9 ของคณะกรรมการสมัยที่ 17 เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2538 ได้มีมติให้เปลี่ยนชื่อสุสานจากเดิม ฮกเต๊กซัวจึง เป็น “สุสานไซฮ้อ” ตามที่คณะกรรมการจักสร้างสุสานได้เสนอมา

การบริหารงาน แบ่งเป็นแผนกย่อยๆ ดังนี้

  • เลขาธิการ                                                   
  • เหรัญญิก                                                       
  • ผู้ตรวจสอบบัญชี                                           
  • แผนก  สมาชิกภาพ                                        
  • แผนก  สวัสดิการ                                             
  • แผนก  วัฒนธรรมและการศึกษา                       
  • แผนก  ปฏิคม                                                  
  • แผนก  ประชาสัมพันธ์                                     
  • แผนก  ประนอมข้อพิพาท                                 
  • แผนก  ควบคุมดูแลอนุสรณ์สถาน                     
  • แผนก  บันเทิง  และการกีฬา                                
  • แผนก  สตรี                                                     
  • ชมรมลูกหลานตระกูลลิ้มแห่งประเทศไทย          

อนุสรณ์สถานตระกูลลิ้มทั่วประเทศ

ปัจจุบันตระกูลลิ้มมีอนุสรณ์สถาน 9 แห่ง ดังนี้

1.สมาคมตระกูลแซ่ลิ้มแห่งประเทศไทย

2.สมาคมตระกูลลิ้ม ดำเนินสะดวก กรุงเทพมหานคร

3.อนุสรณ์สถานตระกูลลิ้ม จังหวัดระยอง

4.สมาคมทักษิณนุกูล กรุงเทพมหานคร

5.สมาคมตระกูลลิ้ม จังหวัดสมุทรสาคร

6.มูลนิธิไทยนำ-ลิมป์ศรีสวัสดิ์ กรุงเทพมหานคร

7.สมาคมตระกูลลิ้มภาคใต้ (ทุ่งลุง) จังหวัดสงขลา

8.สมาคมตระกูลลิ้มแม่กลอง จังหวัดสมุทรสงคราม

9.สมาคมพุทธธรรมบุคคโล กรุงเทพมหานคร

เพลงประจำตระกูลลิ้ม

                         ปี่ กัน ทวดปู่      แบบอย่างเลิศดี   

                 เกียรติหาญภักดี     ชีพพลีบัลลังค์

                    เชิน หมู่มีครรภ์      เร้น  พงพฤกษ์ห้องศิลา    

                       อากง กำเนิด      พบ โจ้ว วัง

           ประทานนามสกุลลิ้ม      เนื่องเหตุหลัง       

                 ครองเขตชิงเหอ      ร่มเย็น จิรัง

                 สายเลือดทายาท      กง รวมพลัง 

ลูกหลานได้แซ่ซ้องก้องนาม     ซ้องก้องเกียรตินาม

รับข่าวสาร และ ร่วมกิจกรรม

สมาคมตระกูลลิ้มแห่งประเทศไทย